วันพฤหัสบดีที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2556

TECHNO SHOWCASE ก้าวล้ำนำการศึกษา


TECHNO SHOWCASE ก้าวล้ำนำการศึกษา

เคยสงสัยกันไหมว่า สังคมออนไลน์ในปัจจุบันมันกว้างไกลมากแค่ไหนแล้ว ทุกวันนี้เราทุกคนต่างต้องเคยศึกษา ค้นหาความรู้ ค้นหาเพื่อน พูดคุย แชร์สิ่งต่างๆที่เราสนใจให้กับผู้อื่นได้รับรู้ แต่รู้บ้างไหมว่า สังคมออนไลน์ต่างๆเหล่านี้ มีความสำคัญต่อการศึกษามากเพียงใด


ส่วนของกลุ่มที่ผมรับผิดชอบคือ กลุ่ม Around The World หรือโซเชียลมีเดียนั่นเอง หนึ่งในแปดบูธในงาน TECHNO SHOWCASE ก้าวล้ำนำการศึกษา เป็นกลุ่มที่เคยถ่ายทอดความรู้ๆต่างๆ โดยนำโซเชียลมีเดียที่เป็นที่รู้จักและเป็นที่นิยมมาเป็นตัวอย่างแหละบอกถึงวิธีการว่าสามารถช่วยในการศึกษาของเราได้อย่างไร



ในบูธ Around The World มีกิจกรรมโดยให้ผู้ที่สนใจเข้าไปศึกษาความรู้จากโปสเตอร์ที่ติดไว้บริเวณบอร์ด และและตอบคำถาม โดยคำถามจะอยู่ในบอร์ดความรู้ที่ได้ศึกษาไปแล้วนั่นเอง นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมให้เพื่อนๆได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับโซเชียลมีเดียที่ตนเองชื่นชอบ ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีมากๆ


จากการจัดนิทรรศการครั้งนี้ สามารถแบ่งปันความรู้มากมายให้กับผู้ที่สนใจ และมีผลตอบรับจากผู้เข้าชมที่ดีมาก เราได้รับทราบถึงความคิดของผู้เข้าชมบูธที่มีต่อโซเชียลมีเดียแต่ละประเภท เราได้แบ่งบันประโยชน์ของโซเชียลมีเดียที่จะทำไปช่วยในการศึกษา เราได้ประชาสัมพันธ์ภาควิชาเทคโนโลยีสื่อสารการศึกษา ซึ่งทั้งหมดนี่ถือว่าเป็นจุดประสงค์หลักของการจัดนิทรรศการ จนเป็นแรงบรรดาลใจให้คณะผู้จัดงานมีกำลังใจในการจัดงานในปีต่อๆไป   เจอกันใหม่ในปีหน้าครับ


TECHNO SHOWCASE ก้าวล้ำนำการศึกษา จัดขึ้นเมื่อวันที่ 15-16 สิงหาคม 2556 ชั้น 1 อาคารนวัตกรรม ศาสตราจารย์ ดร.สาโรช บัวศรี มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ

พิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก รากเหง้าแท้ของคนไทย


พิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก หรือ พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร


หลังจากที่ได้ไปรับชมนิทรรศการประเภทออนไลน์ไปในเรื่องที่แล้ว ครั้งนี้ผมจะพามาศึกษาดูนิทรรศการประเภทถาวรครับ นั่นคือ พิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก หรือ พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร นั่นเอง โดยเจ้าของบ้านได้มอบให้กับกรุงเทพมหานครเพื่อเป็นที่ศึกษาให้กับเยาวชนรุ่นหลังๆได้ศึกษาเกี่ยวกับการใช้ชีวิตและความเป็นอยู่ของชาวบางกอกในสมัยก่อน

โดยสมัยอยุธยา บ้านหลังนี้ถือว่าตั้งอยู่ในทำเลธุรกิจ จึงมีการไปมาหาสู่ของชาวต่างชาติมากมาย เช่น ชาวจีน และชาวอินเดีย ทำให้การออกแบบ การตกแต่งของบ้านทั้ง 3 หลังมีการผสมผสานของวัฒนธรรมต่างๆชาติได้อย่างลงตัว


ภายในบ้านหลังที่ 1 ได้รับพระราชทานเป็นบ้านที่คงสถาปัตยกรรมดีเด่นเอาไว้ มีการจัดสร้างของบ้านในรูปแบบของปั้นหยา เป็นบ้านโบราญหลังเดียวที่อยู่ภายในบริเวณนี้ ภายในบ้านจะมีห้องรับแขก ซึ่งจะไม่ค่อยได้ใช้งานมากนัก เพราะส่วนใหญ่จะรับแขกและคุยกันอยู่บริเวณหน้าบ้าน หรือไม่ก็ไปรับประทานอาหารที่ห้องรับประทานอาหาร ภายในห้องรับประทานอาหาร จะมีการตกแต่งของใช้ต่างๆในรูปแบบผสมผสาน เนื่องจากเข้าของบ้านเป็นคนอินเดีย และไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ และมีของใช้ของชาวจีนอยู่ภายในห้องอีกด้วย โดยจะมีเครื่องใช้ที่นำเข้าจากต่างประเทศมาเป็นส่วนมาก รวมถึงโต๊ะรับประทานอาหาร ซึ่งเป็นขาโต๊ะจะเป็นขาสิงห์ ซึ่งจะหาได้ยากมาก มีตู้เย็น โดยในสมัยก่อนนั้น บ้านที่มีตู้เย็นไว้ใช้งาน ถือว่าเป็นบ้านที่มีฐานะร่ำรวย จึงจะสามารถนำตู้เย็นมาใช้งานได้



ภายในบ้านหลังที่ 2 เดิมทีจะสร้างให้เป็นคลีนิครักษาผู้ป่วย แต่เข้าของบ้านได้เสียชีวิตลงไปก่อน จึงปรับมาเป็นบ้านที่ใช้ในการจัดแสดงสิ่งของเครื่องใช้จากชาวตะวันตก โดยชั้นล่างจะเป็นห้องโล่งๆ และชั้นบนจะเป็นห้องพักผ่อนและห้องนอนของเข้าของบ้าน




ภายในบ้านหลังที่ 3 จะเป็นอาคารที่รวบรวมสิ่งของเครื่องใช้ในสมัยต่างๆ โดยจะแบ่งเป็นโซนย่อยๆ ได้แต่ โซนอุปกรณ์งานช่าง โซนเลี้ยงสัตว์ โซนห้องทำงาน และโซนห้องทำอาหาร ซึ่งแต่ละโซนจะมีสิ่งของที่มีคุณค่า และมีอายุการใช้งานมานานกว่า 100 ปี เก้บไว้แสดงให้รับชมกัน

จากการเข้าไปชมนิทรรศการที่พิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก ทำให้ได้รับรู้ถึงวิถีชีวิต และรูปแบบของสิ่งของเครื่องใช้ในสมัยอยุธยา เป็นการรวมรวบความรู้ดั้งเดิมของชาวบางกอกให้คนรุ่นหลังไว้ศึกษาความเป็นมาของชาวบางกอกในสมัยก่อนได้เป็นอย่างดี

พิพิธภัณฑ์ชาวบางกอก หรือ พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นกรุงเทพมหานคร ตั้งอยู่ในซอยเจริญกรุง 43 ถนนเจริญกรุง เขตบางรัก เปิดให้เข้าชมได้ฟรี 10.00 - 16.00 น. วันพุธถึงวันอาทิตย์ (หยุดจันทร์และอังคาร)

E-exhibition รังสี เรื่องใกล้ตัว

E-exhibition รังสี เรื่องใกล้ตัว


ปัจจุบันเราเห็นได้ว่าความรู้รอบๆตัวเรามีอยู่มากมาย นอกจากการจัดนิทรรศการเพื่อประชาสัมพันธ์ หรือเผยแพร่ความรู้แล้ว ยังมีวิธีอีกวิธีหนึ่งที่ได้รับความนิยมมากขึ้น คือการเผยแพร่ความรู้บนเว็บไซต์ หรือที่เรียกกันว่า นิทรรศการออนไลน์ เนื่องจากสามารถเข้ารับชมได้สะดวก สามารถรับชมได้ตลอดเวลา และเป็นการเผยแพร่ความรู้อย่างไร้ขอบเขต เพราะอินเตอร์เน็ตสามารถเข้าได้จากทุกที่ ทุกมุมโลก 


ในการจัดทำ นิทรรศการออกไลน์ ถือว่าการเผยแพร่ความรู้ ข่าวสารได้อย่างรวดเร็ว ความสามารถพิเศษของการจัดนิทรรศการออนไลน์คือ สามารถใส่เทคนิคพิเศษต่างๆ เข้าไปในนิทรรศการได้ เช่น เอฟเฟกภาพต่างๆ การแทรดวีดิโอ การโตตอบกับผู้ใช้งานได้โดยตรง ผู้ใช้งานสามารถเข้าชมนิทรรศการได้ตลอดเวลา สามารถรองรับผู้ชมได้ในจำนวนมาก แต่ข้อจำกับของการทำนิทรรศการออนไลน์ที่สำคัญเลยคือ ผู้ชมไม่สามารถรับชม สัมผัส สิ่งของหรือความรู้ที่จัดแสดงอยู่นั้นๆได้จริง ผู้ชมไม่ได้รับประสบการณ์ในการชมที่สมจริง


ตัวอย่างของนิทรรศการออนไลน์ที่ยกตัวอย่างมาในวันนี้คือ นิทรรศการจัดแสดงความรู้เกี่ยวกับ รังสี จัดทำโดย อพวช หรือ องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ ซึ่งเป็นการให้ความรู้เกี่ยวกับ รังสี ที่อยู่รอบตัวเรา โทษของรังสี ประโยชน์และอันตรายของรังสี เป็นต้น

จากการเข้ารับชม แสดงให้เห็นถึงรูปแบบการนำเสนอที่น่าสนใจ อ่านอย่าง มีเนื้อหากระชับ ได้ใจความ ทำให้ผู้รับชมสามารถเข้าใจถึงสิ่งที่ต้องการสือหรือประชมสัมพันธ์ได้ มีการเน้นสีสัน เพื่อให้เนื้อหาเกิดความน่าสนใจมากขึ้น 
การจัดนิทรรศการออนไลน์จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการประชาสัมพันธ์หรือเผยแพร่ความรู้เรื่องต่างๆ เหมาะสำหรับ การศึกษา

วันอังคารที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2556

awesome Magazine ที่สุดของความภูมิใจ



          awesome Magazine คือชื่อที่หนังนิตยสารที่ถูกคัดเลือกมาจากหลาย ๆ ชื่่อ จากหลาย ๆ ความเห็นของสมาชิกทั้ง 5 คนในกลุ่ม โดยกำหนดชื่อหัวข้อหลักในการทำนิตยสารเล่มนี้คือ Night Life เป็นนิตยสารไลฟ์สไตล์ของคนกรุงเทพ ที่มีความเป็นที่สุด มีเป้าหมายคือกลุ่มคนวัยทำงานอายุประมาน 25-35 ปี ซึ่งภายในนิตยสารเล่มนี้ จะแบ่งออกเป็น 6 หัวข้อใหญ่


          วางแผนการทำงาน
          การวางแผนการทำงานที่ดี ก็ทำให้สามารถทำงานได้ง่ายและเป็นระบบมากขึ้น กลุ่มเราก็ได้ยึดหลักข้อนี้ และได้มีการวางแผนการทำงานตั้งแต่เริ่มต้น มีการแบ่งหน้าที่การทำงาน แบ่งความถนัดของแต่ละคน คิดหัวข้อ และที่สำคัญคือกำหนดวันและเวลาในการทำงาน โดยช่วงแรกของการทำงานกลุ่มของเรานั้นได้ประชุมกันอย่างต่อเนื่อง จากการให้โจทย์ไปคิด และกลับมาประชุม ไม่ว่าจะเป็น ชื่อคอลัมน์ ชื่อหนังสือ รูปแบบหนังสือ หรือแม้กระทั่งหัวข้อย่อยก็ทำมาประชุม เช่นการคัดเรื่องในการทำคอมลัมน์ ร้านอาหาร แฟชั่น เป็นต้น เพื่อหาคำตอบที่ดีที่สุด และเพื่อให้ทุกคนได้เข้าใจถึงการทำนิตยสารที่ตรงกัน

          การทำงาน
          หลังจากวางแผนการทำงานทั้งหมดอย่างละเอียดแล้ว ทุกคนภายในกลุ่มก็ได้ทำหน้าที่ของตัวเอง จากการแบ่งหน้าที่ช่วงต้นซึ่งแบ่งตามความสามารถของแต่ละคน เพื่อให้ทุกคนสามารถทำงานได้อย่างเต็มที่และมีงานที่ออกมาสมบูรณ์มากที่สุด ส่วนตัวผมเองได้รับหน้าในการทำคอลัมน์หลักสองคอลัมน์คือ awesome TECH และ awesome CHILL และที่สำคัญเลย คือการจัดและรวมรูปเล่มครับ
          การทำงานทั้งหมด มีระยะเวลาทั้งหมดประมาณ 1 เดือน โดยผมได้กำหนดและแบ่งเวลาการทำงานให้เพื่อน โดยในสัปดาห์แรกของการทำงาน ผมให้เสนอให้เพื่อน ๆ ทุกคนไปหาข้อมูลในคอลัมน์ที่ตัวเองรับผิดชอบมาอย่างละเอียด ไม่ว่าจะเป็น เนื้อหา รูปภาพ หรือการจัดวางรูปแบบในหน้านั้นๆ เพื่อที่จะนำมาประชุมแล้วปรับรูปแบบให้ไปในทิศทางเดียวกันมากที่สุด ส่วนสัปดาห์ที่สองและสามของการทำงาน เป็นระยะเวลาของการจัดทำคอลัมน์และลงพื้นที่สำหรับคอลัมน์ที่ต้องออกไปนอกสถานที่ เช่น คอลัมน์ที่ต้องไปร้านอาหาร หรือ คอลัมน์แฟชั่นที่ต้องออกไปถ่ายนอกสถานที่ เป็นต้น ซึ่งจุดนี้ ถือว่าสร้างความลำบากใจให้กับกลุ่มเรามาก เพราะการออกนอกสถานที่หรือลงสถานที่จริงนั้น ทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ ขึ้นมากมาย แต่ทั้งหมด ด้วยการวางแผนที่ดีและความพยายามของกลุ่มเราก็สามารถแก้ไขและผ่านอุปสรรคได้อย่างรวดเร็ว เมื่อถึงกรอบระยะเวลาอาจทิตย์สุดท้าของการทำงาน ผมก็ได้กำหนดให้เพื่อน ๆ ทุกคนมาประชุมกันและนำไฟล์มารวบรวม เพื่อเข้าเล่มให้ทันกำหนดส่ง ซึ่งเป็นเวลาที่เรียกได้ว่าเหน็ดเหนื่อยมากสำหรับสมาชิกทุกคน เพราะด้วยความที่ทุกคนอาจจะใหม่สำหรับการทำงานด้านนี้ ทำให้มีปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ขึ้นอยู่ตลอดเวลา เช่น การออกแบบไม่ไปในทิศทางเดียวกัน การพิมพ์คำผิด เป็นต้น แต่สุดท้ายก็สามารถแก้ไขและรวบรวมไฟล์ส่งโรงพิมพ์ได้ทันกำหนดส่งครับ

          ปัญหาอุปสรรคในการทำงาน

  1. การออกแบบ เป็นปัญหาแรก ๆ ของการทำงานเลย โดยกลุ่มของเราได้พยายามที่จะหาแบบในการดู จากนิตยสารชื่อดัง เพื่อนำมาปรึกษากับสมาชิกในกลุ่มเพื่อเป็นแนวทางในการออกแบบ จนทำให้บางทีการออกแบบภายในเล่มอาจจะไม่เป็นความคิดของกลุ่มเราทั้งหมด
  2. นอกสถานที่ การทำคอลัมน์นอกสถานที่ ซึ่งเป็นคอลัมน์ที่เราต้องออกไปถ่ายรูปนอกสถานที่ ก็ทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ เช่น การถ่ายรูปในร้านอาหารเพื่อนำมาลงในนิตยสาร ซึ่งส่วนใหญ่ร้านอาหารหรือภัตตาคารทั่วไป มักจะไม่อนุญาตให้ถ่ายภาพ ซึ่งสร้างความสำบากใจให้กับทุกคนในกลุ่มมาก หรือการถ่ายแฟชั่น ที่ต้องออกไปหาสถานที่ที่มีมุมภาพที่สวยงาม ตรงกับรูปแบบหนังสือให้มากที่สุด ซึ่งตรงนี้ก็เกิดปัญหาทำให้กลุ่มของเราต้องถ่ายถึง 2 ครั้ง เพราะครั้งแรกที่เราไปถ่าย ภาพไม่ออกมาตรงกับรูปแบบหนังสือที่เรากำหนดไว้ เราจึงจำเป็นต้องถ่ายแบบใหม่อีกครั้ง เพื่อให้ผลงานที่ออกมาตรงกับรูปแบบหนังสือที่เรากำหนดไว้อย่างถูกต้อง
  3. งบประมาณ เนื่องจากมีการออกนอกสถานที่ในหลาย ๆ คอลัมน์ การออกไปแต่ละครั้งก็ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน


awesome Magazine ที่สุดของความภูมิใจของผม

          การทำนิตยสารกลุ่มแรกเล่มนี้ ทำให้ผมได้ประสบการณ์ใหม่ ๆ ในการทำงานและผมยังรู้สึกภูมิใจมากถึงมากที่สุด เพราะผมได้ลงมือทำอย่างสุดความสามารถและทุ่มเททั้งกายและใจอย่างเต็มที่ ซึ่งผลงานที่ออกมาก็ทำให้พวกเราหายเหนื่อยกันมาก และคุ้มสำหรับอดหลับอดนอนมาหลายวัน เพื่อทำนิตยสารให้ออกมาดีที่สุด และเมื่อผลงานเสร็จผมได้เสนอผลงานของกลุ่มเราออกไปให้ผู้อื่นได้รับชม เพื่อนำข้อติชมมาปรับปรุงในการทำนิตยสารครั้งต่อ ๆ ไป
         ที่สำคัญที่สุดและขาดไม่ได้เลยคือการได้ทำงานกับเพื่อน ๆ ในกลุ่ม ซึ่งเพื่อน ๆ ทุกคนก็มีความสามารถในการทำงานได้หลากหลาย และสามารถพูดคุยกันได้อย่างตรงไปตรงมา ทำให้การทำงานสามารถทำได้อย่างราบรื่นมาก ขอบคุณอาจารย์นัทธีรัตน์ พีระพันธุ์ ที่คอยให้คำปรึกษาในการทำงานมาโดยตลอด และให้โอกาสให้ผมได้มาทำนิตยสารครั้งนี้ครับ


ผลงานนิตยสาร awesome Magazine ของพวกเรา



วันพฤหัสบดีที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2556

สื่อนี้..คุณมีความรู้สึกอย่างไรบ้าง?

สื่อนี้..คุณมีความรู้สึกอย่างไรบ้าง?



            จากที่ได้ชมโปสเตอร์ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย แผ่นนี้คุณมีความรู้สึกอย่างไรบ้าง? นี่คือคำถามยอดนิยมของใครหลายๆคนที่มักจะสังเกตและวิเคราะห์การออกแบบสื่อที่ใช้ในการดึงดูดความสนใจของผู้อ่านมากขึ้น โดยเมื่อเรามองภาพเพียงชั่วครู่เราก็รู้สึกถึงความเป็นมิตร รอยยิ้มในแบบคนไทยกันแล้วใช่ไหมครับ

            ภาพโปสเตอร์นี้ เมื่อวิเคราะห์ถึงการออกแบบ การจัดวางและองค์ประกอบของรูปภาพ อย่างแรกเลยคือ คำโปรยของโปสเตอร์นี่เป็นภาษาอังกฤษ "Thailand The Land of Smiles and Sweets" ซึ่งแน่นอนว่า เป็นการประชาสัมพันธ์ให้กับชาวต่างชาติอย่างแน่นอน การใช้คำที่สั้น ง่าย และสามารถสื่อความหมายได้เป็นอย่างดี และลักษณะของตัวหนังสือที่ใช้คล้ายกับภาษาไทย มีความอ่อนโยน สง่างาม เพียงเท่านี้ก็สามารถบ่งบอกถึงความเป็นไทยได้เป็นอย่างดีครับ การจัดวางรูปภาพ โดยมีการใช้ลักษณะของการค้าขายทางเรือที่เป็นที่นิยมที่เป็นที่นิยมในสังคมไทย ด้วยการค้าขายอาหาร ขนมหรือสินค้าทั่วไปทางน้ำ ทำให้เป็นภาพติดตาและเป็นจุดขายให้กับชาวต่างชาติได้เป็นอย่างดี ภาพรอยยิ้มของนางแบบก็ยิ่งเป็นตัวบงบอกถึงความเป็นมิตรสหาย ความเป็นกันเอง ความอ่อนหวาน ความมีน้ำใจของคนไทย ซึ่งรอยยิ้มนี้ก็เป็นจุดเด่น สมกับคำกล่าวที่ว่า "Thailand The Land of Smiles and Sweets" หรือ สยามเมืองยิ้ม นั่นเองครับ ของบนเรือที่จำหน่ายก็เป็นตัวบ่งบอกถึงความอุดมสมบูรณ์ ความหลากหลายของอาหารได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นขนมหวานที่มีชื่อเสียงของประเทศไทย เช่น ทองหยิบ ทองหยอด ลูกชุบ เป็นต้น หรือแม้แต่อาหารไทยเช่นขนมจีน ก็มีชื่อเสียงสามารถดึงดูดชาวต่างชาติได้เป็นอย่างดีครับ การออกแบ่งที่เรียบง่าย เป็นธรรมชาติ ไม่ดูรกมากเกินไป ทำให้ผู้ชมสามารถจับใจความสำคัญของสิ่งที่จะสื่อออกมาผ่านทางรูปภาพได้อย่างรวดเร็ว นั่นเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างหนึ่งในการออกแบบโปสเตอร์เลยครับ

            การออกแบบที่คิดถึงองค์ประกอบภาพ ความเหมาะสมของภาพ สี การใช้ตัวอักษรที่ดีและเหมาะสมก็สามารถดึงดูดสายตาและความสนใจของผู้ชมทั่วไปได้มาก เพียงแค่เราคิดถึงจุดเด่นของแต่ละอย่างของการออกแบบสื่อทั่วไป เราก็สามารถเข้าใจถึงการเลือกองค์ประกอบซึ่งสามารถทำมารวมกับความรู้ที่เรามีอยู่เข้ามาประยุกต์ใช้กับภาพสื่อที่เราต้องการจะออกแบบได้ เพียงเท่านี้เราก็จะสามารถสร้างสื่อที่มีความโดดเด่น น่าสนใจได้อย่างไม่ยากเลยครับ

.......

วันเสาร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2555

บทบาทของ iBooks ที่มีต่อชุมชนและสังคม

บทบาทของ iBooks ที่มีต่อชุมชนและสังคม

        สวัสดีครับ ในบทความนี้ผมจะมาพูดถึงสื่อสิ่งพิมพ์ประเภทอิเล็กทรอนิกส์ที่กำลังมีผลกระทบกับชุมชนและสังคมรอบๆตัวเรา โดยวันนี้ผมจะขอยกตัวอย่างแอปพลิเคชั่น iBooks ที่เป็นแอปพลิเคชั่นในการช่วยอำนวยความสะดวกในการอ่านหนังสือครับ

        นับตั้งแต่ Gadget  เริ่มมีบทบาทมากขึ้นต่อผู้คน ก็ได้มีแอปพลิเคชั่นออกมาส่งเสริมเพื่อคอยอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้ ให้สามารถใช้งานอุปกรณ์เหล่ายนั้นได้อย่างสะดวกมากยิ่งขึ้น แอปพลิเคชั่น iBooks ที่อยู่ในอุปกรณ์ของ Apple ก็เป็นแอปพลิเคชั่นหนึ่งที่ช่วยในการอำนวยความสะดวกในอ่านการสิ่งพิมพ์ประเภทอิเล็กทรอนิกส์ รับข่าวสารผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ ให้สามารถเปิดอ่านได้ทุกที่ สะดวก และรวดเร็วกว่าการเปิดอ่านหนังสือจริงๆ

        การเปิดตัว iBooks นี้ทำให้วงการสื่อสิ่งพิมพ์ ผู้ผลิตหนังสือ ได้รับผลกระทบโดยเฉพาะอย่างยิ่งการผลิตหนังสือ ในต่างประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา โรงเรียนหรือมหาวิทยาลัยได้ปรับตัวให้นักเรียน นักศึกษาหันมาใช้การอ่านหนังสือผ่าน แอปพลิเคชั่น iBooks มากขึ้น ทั้งการอ่านหนังสือ การเรียนในห้องเรียน การหาความรู้ โดยที่นักเรียนนักศึกษา สามารถหาความรู้หรือหนังสือที่ต้องการได้ผ่านอุปกรณ์ของตัวเอง ไม่ต้องลำบากในการหาหนังให้ห้องสมุด ทำให้สามารถเข้าถึงสื่อและความรู้ได้รวดเร็วและสะดวกมากขึ้น
        

        แต่การมาของ iBooks ก็มีข้อจำกัดในการเข้าถึงเนื้อหาข้อมูล เนื่องจากยังมีหนังสือหรือสื่อสิ่งพิมพ์        จำนวนมากยังไม่ถูกปรับเข้าอยู่ในรูปแบบของหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ และมีหนังสือที่ยังไม่ตรงกับความต้องการกับผู้อ่าน การปรับหนังสือจากเป็นเล่มเป็นหนังสือดิจิตอลยังน้อยและอยู่ในวงจำกัด แต่จำนวนผู้ใช้งานแอปพลิเคชั่น iBooks ยังมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ นั่นเป็นการแสดงให้เห็นว่าการอ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ก็ยังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ


        โดยส่วนตัวผมยังคิดว่าการเปิดตัว iBooks เป็นสิ่งที่น่าสนใจมาก เป็นการช่วยให้การรับข้อมูลเป็นไปอย่างสะดวกและง่ายมากขึ้น แต่ความหวังที่จะมาแทนที่สื่อสิ่งพิมพ์ก็ยังคงเป็นไปได้ยากในตอนนี้ เพราะผู้คนส่วนใหญ่ยังคงชินและคุ้นเคยกับการอ่านหนังสือผ่านกระดาษมากกว่าการอ่านหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ แต่ถ้าหากมีหนังสื่ออิเล็กทรอนิกส์มากพอกับความต้องการของผู้อ่าน ก็อาจทำให้ผู้ผลิตสิ่งพิมพ์ได้รับผลกระทบมากขึ้น หากยังไม่มีการปรับตัวเข้ากับยุคของโลกดิจิตอล



วันอังคารที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

The Matrix

The Matrix 

               สวัสดีครับทุกๆท่าน ในนี้ผมจะมาแนะนำสื่อสิ่งพิมพ์ที่น่าสนใจ โดยวันนี้ผมจะยกตัวอย่างภาพยนตร์ ซึ่งก็ถือว่าเป็นสิ่งพิมพ์ มาวิเคราะห์และนำเสนอให้ผู้อ่านทุกๆท่านได้รับทราบกันครับ


               ถ้าเห็นภาพนี้แล้วเพื่อนๆนึกถึงอะไรกันบ้างครับ สีเขียว? ตัวเลข? คณิตศาสตร์? คอมพิวเตอร์? เดอะ เมทริกซ์ ใช่แล้วครับ เดอะ เมทริกซ์ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ ออกฉายในอเมริกาเหนือวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2542 ซึ่งเป็นภาพยนตร์ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลกเลยนะครับ ด้วยความที่เป็นหนังไซไฟที่ขึ้นชื่อว่าทันสมัยที่สุดในยุคนั้นเลยก็ว่าได้ เชื่อว่าผู้อ่านทุกๆท่านคงจะเคยได้ยินได้รับชมกันมาบ้างแล้วนะครับโดยในหนังจะเป็นการต่อสู้ของคนและหุ่นยนต์ในโลกของคอมพิวเตอร์หรือที่ในภาพยนตร์เรียกว่า เมทริกซ์  นั่นเอง

วิเคราะห์โปสเตอร์




               โปสเตอร์ของเรื่องนี้ จะมีลักษณะไปที่คล้ายคลึงกันกัน โดยมีลักษณะโทนสีที่เด่นชัด คือ สีเขียว และสีดำ โดยแต่ละสีจะมีความหมายบงบอกถึงลักษณะของหนังไซไฟและโลกของอนาคต  ด้วยสีดำ ที่หมายถึงความชั่วร้าย และสีเขียวที่หมายถึงธรรมชาติ โดยสามารถสื่อได้ตรงกับภาพยนตร์เป็นอย่างดี ซึ่งในเรื่องมษุนย์ก็ต้องต่อสู้กับธรรมชาติ ของสิ่งที่มนุษย์นั่นสร้างขึ้นมาเอง 



               ภาพของโปสเตอร์ยังมีภาพตัวเอกของเรื่อง ที่ใส่แว่นดำ ดูลึกลับและปกปิดตัวเอง และยังมีตัวเลข ตัวหนังสือสีเขียว วิ่งขึ้นลงที่มีลักษณะสร้างกับฐานข้อมูลของคอมพิวเตอร์ ก็ยิ่งบอกได้ชัดเจนเลยว่าเป็นการต่อสู้กันในโลกของคอมพิวเตอร์แน่นอนครับ


               เป็นยังไงบ้างครับ แม้เพียงภาพโปสเตอร์ภาพยนตร์สามารถเล่าและบอกถึงเนื้อหาของเรื่องได้เป็นอย่างดี ซึ่งการที่จะต้องการสื่อสารกับผู้อ่านหรือผู้ชมด้วยรูปภาพนี้ ต้องมีวิธีการคิด และการวิเคราะห์ภาพ ความหมายได้เป็นอย่างดีเลยนะครับ ซึ่งก็เป็นตัวอย่างให้ผู้อ่านทุกๆท่าน ได้นำไปใช้ในการนำเสนอ หรือต้องการสื่อกับผู้อ่านผู้ชมด้วยรูปภาพกันต่อไปนะครับ
               
               บทความนี้คงจะพอให้ผู้อ่านทุกๆท่านหันมามองความหมายของสื่อรูปภาพต่างๆ ว่าผู้ผลิตต้องการสื่ออะไรในรูปภาพ และหาความหมายที่ผู้ผลิตต้องการจะสื่อถึงเนื้อหาภายในได้นะครับ 


แล้วพบกันใหม่นะครับ สวัสดีครับ